Skip to the content

ประเทศที่มีระบบการรักษาพยาบาลที่ดีที่สุด: คุณจะเลือกประเทศไหน?

การเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพในแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันมากอย่างเห็นได้ชัดเจน ตั้งแต่ความครอบคลุมระดับสากลไปจนถึงเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เราสำรวจประเทศต่าง ๆ ที่เป็นผู้นำในด้านการให้บริการดูแลสุขภาพเพื่อให้คุณสามารถเลือก ประเทศที่ดีที่สุดเพื่อการอยู่อาศัย

ในคู่มือฉบับนี้ เราจะพูดคุยกันถึงประเทศต่าง ๆ ที่มีระบบการรักษาพยาบาลที่ดี และประเทศไหนบ้างที่มอบบริการด้านสุขภาพฟรีให้แก่ผู้อยู่อาศัย เราจะอธิบายเกี่ยวกับบัตรประกันสุขภาพของชาวยุโรป และบัตรประกันสุขภาพทั่วโลกซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าสำหรับการเข้าถึงการรักษาพยาบาลในขณะที่กำลังเดินทาง รวมถึงยังพูดถึงความแตกต่างระหว่างระบบการรักษาพยาบาลของสหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา และประเทศอื่น ๆ อีกมากมาย

ในประเทศที่มีบริการรักษาพยาบาลฟรีที่จุดทางเข้าประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร และแคนาดานั้นถือเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานโดยไม่คำนึงถึงสถานะทางการเงิน

การดูแลสุขภาพในประเทศอื่น ๆ แตกต่างกันอย่างไร?

ระบบการรักษาพยาบาลทั่วโลกมีความแตกต่างกันในด้านโครงสร้าง ความพร้อมของเงินทุน และการเข้าถึงของประชาชน ในประเทศที่มีบริการรักษาพยาบาลฟรีที่จุดทางเข้าประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร และแคนาดานั้นถือเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานโดยไม่คำนึงถึงสถานะทางการเงิน

ระบบดังกล่าวได้รับทุนสนับสนุนจากภาษีซึ่งทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่จำเป็นได้ รวมถึงการไปพบแพทย์ การพักรักษาตัวในโรงพยาบาล และการผ่าตัด ระบบที่คล้ายคลึงกันนี้มีอยู่ในหลายประเทศซึ่งรวมไปถึงประเทศสวีเดน นอร์เวย์ นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย

ในทางตรงกันข้าม ประเทศอย่างสหรัฐอเมริกานั้นให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพของเอกชนซึ่งการเข้าถึงจะขึ้นอยู่กับความคุ้มครองจากประกันภัยของแต่ละบุคคล อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีรายได้น้อย สตรีมีครรภ์ และเด็ก สามารถเข้าถึง Medicaid ที่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลได้

ประเทศเยอรมัน สวิตเซอร์แลนด์ และประเทศอื่น ๆ ผสมผสานการประกันภัยของภาครัฐ และเอกชนเข้าด้วยกันโดยให้ความคุ้มครองทั่วไปผ่านทางบริษัทประกันภัยคู่แข่งซึ่งสามารถเข้าถึงได้ผ่านทางนายจ้างเป็นหลัก

Healthcare icon pin

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพทั่วโลก

 

World healthcare facts graphic in Thai

 

Smiling nurse helping a patient

 

การจัดอันดับการดูแลสุขภาพตามประเทศ

ตาม ดัชนีการดูแลสุขภาพของนิตยสาร CEOWORLD ของปี พ.ศ. 2023,ไต้หวันเป็นประเทศที่มีอันดับสูงสุดในด้านการดูแลสุขภาพทั่วโลก ดัชนีดังกล่าวประเมินใน 110 ประเทศ โดยให้คะแนนแต่ละประเทศเต็มร้อยโดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น โครงสร้างพื้นฐานทางการแพทย์ ความสามารถ และคุณสมบัติของเจ้าหน้าที่ดูแลสุขภาพ รวมถึงต้นทุน และความพร้อมของยา ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติม ได้แก่ การดูแลสิ่งแวดล้อม การเข้าถึงน้ำสะอาด สุขอนามัย และการดำเนินการของรัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหาการใช้ยาสูบ และโรคอ้วน

อีกสองประเทศในเอเชียที่ติดอยู่ในสิบอันดับแรก คือ เกาหลีใต้ได้คว้าอันดับที่สอง และอิสราเอลอยู่ในอันดับที่สิบ ยุโรปยังคงทำผลงานได้ดีโดยติดอยู่ในห้าอันดับจากสิบอันดับแรก ซึ่งได้แก่ สวีเดนอยู่ในอันดับที่ 5 ไอร์แลนด์อยู่ในอันดับที่ 6 เนเธอร์แลนด์อยู่ในอันดับที่ 7 เยอรมันอยู่ในอันดับที่ 8 และนอร์เวย์อยู่ในอันดับที่ 9

 

อันดับ ประเทศ โครงสร้างพื้นฐาน ความพร้อมใช้งาน และต้นทุน ดัชนีโดยรวม
1 ไต้หวัน 87.16 83.59 78.72
2 เกาหลีใต้ 79.05 78.39 77.7
3 ออสเตรเลีย 90.75 82.59 74.11
4 แคนาดา 86.18 78.99 71.32
5 สวีเดน 78.77 74.88 70.73
6 ไอร์แลนด์ 92.58 96.22 67.99
7 เนเธอร์แลนด์ 77.86 71.82 65.38
8 เยอรมัน 86.28 75.81 64.66
9 นอร์เวย์ 72.48 68.68 64.63
10 อิสราเอล 88.63 75.61 61.73

ประเทศไหนมีการดูแลสุขภาพที่ดีที่สุด?

ดัชนีการดูแลสุขภาพได้ขนานนามว่าไต้หวันเป็นประเทศที่มีการดูแลสุขภาพที่ดีที่สุดเนื่องจากมีระยะเวลาในการรอคอยที่สั้น และมีต้นทุนต่ำ อย่างไรก็ตาม แม้ว่า การย้ายไปอยู่อาศัยที่ไต้หวัน อาจเป็นเรื่องที่สำคัญในอันดับต้น ๆ ที่คุณจะต้องมีการพูดคุยกัน แต่คำถามที่ว่าประเทศใดมีการดูแลสุขภาพที่ "ดีที่สุด" ยังคงเป็นเรื่องที่ยังคงถกเถียงกันอยู่เนื่องจากระบบการดูแลสุขภาพอื่น ๆ ทั่วโลกนั้นต่างมีความเป็นเลิศในด้านที่แตกต่างกัน

สวิตเซอร์แลนด์ได้คะแนนสูงในด้านประสิทธิภาพการรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่อง พลเมือง และผู้พักอาศัยชาวสวิสทุกคนต้องมีประกันสุขภาพขั้นพื้นฐาน ที่บริษัทประกันภัยเอกชนจัดหาให้เพื่อครอบคลุมบริการทางการแพทย์ต่าง ๆ รวมถึงการพักรักษาในโรงพยาบาล การไปพบแพทย์ และใบสั่งยา รัฐบาลสวิสควบคุมบริษัทประกันให้รับประกันด้วยมาตรฐานระดับสูง

ระบบการดูแลสุขภาพของสิงคโปร์ ยังได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางในด้านความครอบคลุม ความสามารถในการจ่ายชำระ และมีประสิทธิภาพ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการดูแลป้องกัน และส่งเสริมให้ประชาชนประหยัดเงินค่ารักษาพยาบาลซึ่งส่งผลให้เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอายุขัยยืนยาวที่สุดในโลกโดยมีอายุอยู่ที่ 84.8 ปี

ประเทศที่มีประสิทธิภาพสูงอื่น ๆ ได้แก่ เยอรมัน ซึ่งมียาที่เป็นนวัตกรรมใหม่ และราคาไม่แพง และเนเธอร์แลนด์ ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การดูแลผู้ป่วยเป็นหลัก

 

Info point icon pin

รายชื่อประเทศที่มีการรักษาพยาบาลฟรี

ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างของรายชื่อประเทศที่มีระบบการรักษาพยาบาลแบบฟรี หรือในระดับสากล:

 

  • ออสเตรเลีย
  • ออสเตรีย
  • เบลเยียม
  • บอตสวานา
  • บราซิล
  • บรูไน
  • แคนาดา
  • จีน
  • คอสตาริกา
  • โครเอเชีย
  • คิวบา
  • ไซปรัส
  • เดนมาร์ก
  • ฟินแลนด์
  • ฝรั่งเศส
  • เยอรมนี
  • ฮ่องกง
  • ไอซ์แลนด์
  • อิตาลี
  • ญี่ปุ่น
  • ลักเซมเบิร์ก
  • มาเก๊า
  • มาเลเซีย
  • โมร็อกโก
  • เนเธอร์แลนด์
  • นิวซีแลนด์
  • นอร์เวย์
  • โปรตุเกส
  • ซาอุดิอาราเบีย
  • สิงคโปร์
  • เกาหลีใต้
  • สเปน
  • ศรีลังกา
  • สวีเดน
  • สวิตเซอร์แลนด์
  • ประเทศไทย
  • ตุรกี
  • สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
  • ประเทศอังกฤษ
Nurse helping a child

 

ประเทศไหนบ้างที่มีการดูแลสุขภาพฟรี?

หลายประเทศทั่วโลกให้บริการดูแลสุขภาพฟรี หรือได้รับการอุดหนุนจำนวนมาก ระบบหนึ่งที่ได้รับความนิยมคือแนวคิดเรื่องการดูแลสุขภาพถ้วนหน้าโดยการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานไม่ว่าบุคคลจะมีเงินจำนวนเท่าใดก็ตาม ระบบดังกล่าวมีการใช้งานในสหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และแคนาดา และได้รับการสนับสนุนด้านภาษี ระบบที่คล้ายกันในประเทศเช่นญี่ปุ่น และเกาหลีใต้เสนอการดูแลสุขภาพขั้นพื้นฐานผ่านโครงการประกันสุขภาพภาคบังคับที่ดำเนินการโดยรัฐบาล ในทั้งสองกรณี อาจไม่รวมบริการบางอย่าง เช่น การดูแลสายตา การดูแลทันตกรรม และการจ่ายยาตามใบสั่งแพทย์

บางประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแอฟริกา และเอเชียมีการบริหาร ระบบประกันสุขภาพโดยชุมชน ชุมชนรวบรวมทรัพยากร และเงินทุนเพื่อให้ความคุ้มครองด้านสุขภาพในท้องถิ่น ระบบนี้พบได้บ่อยในประเทศที่มีรายได้น้อย และมีพื้นที่ขนาดใหญ่ในชนบทโดยที่การประกันสุขภาพจากรัฐบาลมักจะมีจำนวนจำกัด

ประเทศไหนมีประชากรที่มีอายุขัยยาวนานที่สุด?

 

โมนาโกมีประชากรที่มีอายุขัยยาวนานที่สุดในโลก

 

ผู้ชาย

84 ปี

 

ผู้หญิง

89 ปี

แหล่งข้อมูล: Statista

 

EHIC ครอบคลุมการรักษาฉุกเฉิน การดูแลคลอดบุตร การรักษาโรคที่มีอยู่ก่อน และอื่น ๆ โดยส่วนใหญ่จะมีประโยชน์ต่อนักท่องเที่ยว นักเรียนต่างชาติ และชาวต่างชาติที่ทำงานในประเทศ EU หรือ EEA อื่น ๆ

บัตรประกันสุขภาพของยุโรป: คืออะไร และจะสมัครอย่างไร

บัตรประกันสุขภาพแห่งยุโรป (EHIC) เป็นโครงการฟรีสำหรับพลเมืองของสหภาพยุโรป (EU) เขตเศรษฐกิจยุโรป (EEA) และสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งให้สิทธิ์เข้าถึงบริการด้านสุขภาพที่จำเป็นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายมากเกินไประหว่างการเข้าพักระยะสั้นในทุกประเทศที่เข้าร่วม

EHIC ครอบคลุมการรักษาฉุกเฉิน การดูแลคลอดบุตร การรักษาโรคที่มีอยู่ก่อน และอื่น ๆ โดยส่วนใหญ่จะมีประโยชน์ต่อนักท่องเที่ยว นักเรียนต่างชาติ และชาวต่างชาติที่ทำงานในประเทศ EU หรือ EEA อื่น ๆ

คุณสามารถสมัคร EHIC ผ่านทางระบบการรักษาพยาบาลของประเทศบ้านเกิดได้ซึ่งโดยปกติจะสมัครได้ผ่านทางเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ คุณต้องระบุรายละเอียดส่วนบุคคล เช่น ชื่อ ที่อยู่ และหมายเลขประกันสังคม เมื่อได้รับการอนุมัติแล้ว บัตรของคุณจะมีอายุการใช้งานสูงสุดห้าปี

ไม่ควรใช้ EHIC ทดแทนประกันการเดินทางเนื่องจากอาจไม่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด หรือเหตุฉุกเฉินที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางอื่น ๆ เช่น เที่ยวบินกลับบ้านล่าช้า

 

บัตรประกันสุขภาพทั่วโลกคืออะไร?

สหราชอาณาจักรได้นำ บัตรประกันสุขภาพทั่วโลก (GHIC) มาใช แทนที่บัตรประกันสุขภาพของยุโรป (EHIC) ในปี 2021 เช่นเดียวกับ EHIC บัตร GHIC มอบการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพที่จำเป็นระหว่างการพำนักระยะสั้นในประเทศในสหภาพยุโรป (EU) รวมถึงไอซ์แลนด์ ลิกเตนสไตน์ นอร์เวย์ และสวิตเซอร์แลนด์

บัตร GHIC อนุญาตให้ผู้อยู่อาศัยในสหราชอาณาจักรได้รับการดูแลสุขภาพ รวมถึงการรักษาโรคที่เป็นอยู่ก่อนแล้ว โดยมีค่าใช้จ่ายเท่ากับพลเมืองของประเทศที่พวกเขาเดินทางไปเยือน

ผู้อยู่อาศัยในสหราชอาณาจักรสามารถ สมัครได้ทางออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์บริการสุขภาพแห่งชาติ (NHS) บัตรนี้ไม่มีค่าใช้จ่าย และมีอายุสูงสุดห้าปี คุณต้องระบุหมายเลขประกันในประเทศของสมาชิกในครอบครัวทุกคนที่มีอายุเกิน 16 ปีที่คุณกำลังสมัครให้ในนามของคุณ คุณอาจต้องใช้หมายเลข NHS ของคุณ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประวัติทางการแพทย์ของคุณ

บัตร GHIC จะมาแทนที่ EHIC สำหรับผู้อยู่อาศัยในสหราชอาณาจักร อย่างไรก็ตาม คุณยังคงใช้ EHIC ของคุณได้จนกว่าจะหมดอายุ เช่นเดียวกับ EHIC บัตร GHIC ไม่สามารถใช้ทดแทนประกันการเดินทางได้ ดังนั้นจึงขอแนะนำให้ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้รับความคุ้มครองอย่างครอบคลุมก่อนออกเดินทาง

Healthcare icon pin

สหราชอาณาจักรกับการดูแลสุขภาพของสหรัฐอเมริกา

แม้ว่าสหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกาจะมีอะไรที่เหมือนกันมาก รวมไปถึงภาษาที่เหมือนกัน รัฐบาล และวัฒนธรรมที่เป็นประชาธิปไตยที่คล้ายคลึงกัน แต่ระบบการดูแลสุขภาพของทั้งสองประเทศมีความแตกต่างกันมากในเรื่องโครงสร้าง การเข้าถึง และการจัดหาเงินทุน

บริการสุขภาพแห่งชาติ (NHS) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนจากประชาชน ให้บริการดูแลสุขภาพแก่ผู้อยู่อาศัยในสหราชอาณาจักรทุกคน บริการทางการแพทย์ส่วนใหญ่ รวมถึงการไปพบแพทย์ การดูแลในโรงพยาบาล และการผ่าตัด ให้บริการฟรี ณ จุดใช้งาน และได้รับเงินทุนสนับสนุนจากภาษีเป็นหลัก วัตถุประสงค์ของ NHS คือการให้การดูแลที่ครอบคลุมแก่ทุกคนโดยไม่คำนึงถึงความสามารถในการจ่ายเงิน การดูแลสุขภาพเอกชนที่ออกทุนด้วยตนเองมีไว้สำหรับผู้ที่ต้องการการรักษาเฉพาะทาง หรือการรักษาที่รวดเร็วกว่าผ่านผู้ให้บริการประกันสุขภาพหลายราย

ในทางกลับกัน ระบบการรักษาพยาบาลของสหรัฐอเมริกา ส่วนใหญ่จะแปรรูปโดยมีผู้ให้บริการประกันภัยทั้งภาครัฐ และเอกชนปะปนกันซึ่งถือเป็นข้อพิจารณาที่สำคัญเมื่อ ย้ายไปอยู่อาศัยในสหรัฐอเมริกาโดยทั่วไปการซื้อการรักษาพยาบาลผ่านทางนายจ้าง หรือแผนประกันเอกชนอาจมีราคาแพง และทำให้เกิดความแตกต่างในด้านความคุ้มครองสำหรับผู้ที่ไม่มีประกัน การบริการทางการแพทย์มักจะมีราคาแพง แม้แต่สำหรับผู้ที่มีประกัน และครอบครัว ต้องขอบคุณค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายชำระเอง เช่น การมีส่วนร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาล ค่าใช้จ่ายส่วนแรก และเบี้ยประกัน

 

ประเทศที่มีค่ารักษาพยาบาลสูงที่สุด

 

World healthcare per capita graph in Thai

แหล่งที่มา: World Population Review — health care costs by country